วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559


สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television) แห่งที่ 4 ของประเทศไทย ดำเนินกิจการโดยบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ภายใต้สัญญาสัมปทานกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 26 มีนาคมพ.ศ. 2513 เวลา 10:00 น. ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ออกอากาศด้วยระบบวีเอชเอฟ ความถี่ต่ำ ทางช่องสัญญาณที่ 3 จนถึงปี พ.ศ. 2550หลังจากนั้น จึงเปลี่ยนมาออกอากาศในระบบยูเอชเอฟ ทางช่องสัญญาณที่ 32 โดยที่เริ่มแพร่ภาพคู่ขนาน (simulcast) กับโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ช่องหมายเลข 33 ภาพคมชัดสูง ของบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ตามคำสั่งของศาลปกครอง ตั้งแต่เวลา 21:19 น. ของวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557มีคำขวัญประจำสถานีฯ ว่า คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3 โดยมีประสาร มาลีนนท์ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 แทนประวิทย์ มาลีนนท์ ที่ขอลาออกเนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ

ประวัติ

สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เกิดขึ้นจาก บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (อังกฤษBangkok Entertainment Company Limited; ชื่อย่อ: บีอีซี.; BEC ปัจจุบันเข้าเป็นบริษัทในกลุ่มบีอีซีเวิลด์) ซึ่งวิชัย มาลีนนท์ ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ลงนามในสัญญาดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ ร่วมกับบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2511 โดยมีอายุสัญญา 10 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513-25 มีนาคม พ.ศ. 2523
โดยตามสัญญา กำหนดให้มีที่ดินไม่น้อยกว่า 6 ไร่ เพื่อก่อตั้งสถานีส่งออกอากาศ พร้อมทั้งสิ่งก่อสร้าง และอุปกรณ์การส่งโทรทัศน์ทั้งหมด รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท โดยจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ บจก.ไทยโทรทัศน์ ทันทีเมื่อเริ่มส่งออกอากาศ แต่เมื่อลงทุนจริง บจก.บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ใช้ทุนไปทั้งสิ้น 54.25 ล้านบาท สูงกว่าในสัญญาถึง 29.25 ล้านบาท และระหว่างร่วมดำเนินกิจการตามสัญญา ในระยะเวลา 10 ปีนั้น บจก.บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่ บจก.ไทยโทรทัศน์เป็นเงิน 44 ล้านบาท และเงินสวัสดิการแก่พนักงาน บจก.ไทยโทรทัศน์อีกปีละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 10 ล้านบาท รวมเงินจ่ายทั้งหมด 54 ล้านบาท
อนึ่ง บจก.บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ได้รับอนุมัติให้ขยายอายุ สัญญาดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ซึ่งแปรรูปจาก บจก.ไทยโทรทัศน์เมื่อปีพ.ศ. 2520 มาแล้วสองครั้ง คือเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2521 ขยายออกไปอีก 10 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2523-25 มีนาคม พ.ศ. 2533 และในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ขยายออกไปอีก 30 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2533-25 มีนาคม พ.ศ. 2563
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2513 ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มทดลองแพร่ภาพออกอากาศ โดยใช้กำลังส่งเต็มระบบคือ 50 กิโลวัตต์ ด้วยเครื่องส่งขนานเป็นครั้งแรก ระหว่างเวลา 19:00-21:00 น. จากนั้นในวันที่ 15 เดือนและปีเดียวกัน ก็เริ่มทดลองแพร่ภาพแบบเสมือนจริง ระหว่างเวลา 09:30-24:00 น. และเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513 ตามเวลาฤกษ์คือ 10:00 น. โดยมีจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีฯ[2][3]
อนึ่ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2540 ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เป็นแห่งที่สองของประเทศไทย แล้วกลับมาเปิดสถานีฯ เวลา 05:00 น. และปิดสถานีฯ เวลา 02:00 น.อีกครั้ง ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 จึงกลับมาออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

อาคารที่ทำการ

เมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2512 มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการสถานีฯ บนที่ดินขนาด 6 ไร่เศษ บริเวณกิโลเมตรที่ 19 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยอาคารดังกล่าวมีความสูง 4 ชั้น ภายในเป็นห้องส่งโทรทัศน์ ขนาด 600 ตารางเมตร 2 ห้อง, ขนาด 424 ตารางเมตร 2 ห้อง และขนาด 110 ตารางเมตรอีก 1 ห้อง โดยแต่ละห้องส่งจะมีห้องควบคุมเฉพาะ และยังติดตั้งจอขนาดใหญ่ มีความกว้าง 47 เมตร ความสูง 7.5 เมตร สำหรับแสดงภาพด้วยระบบไซโครามา ใช้ในการประดิษฐ์ภาพฉากท้องฟ้า ที่ช่วยให้เกิดเป็นภาพชัดลึก รวมถึงสามารถเปลี่ยนสีของฉากอย่างเสมือนจริง และเปลี่ยนความเข้มของแสงได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล
ต่อมา บจก.บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ดำเนินการแยกส่วนของสำนักงาน ไปยังอาคารเลขที่ 2259 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และจัดสร้างห้องส่งโทรทัศน์บนชั้น 8 ของอาคารโรบินสัน จากนั้นเมื่อวันที่27 มกราคม พ.ศ. 2529 จึงนำส่วนงานที่กระจายอยู่ 3 แห่ง มารวมศูนย์อยู่ที่อาคารวานิช 1 และ 2 บริเวณแยกวิทยุ-เพชรบุรี (ถนนวิทยุตัดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้การดำเนินงานคล่องตัวมากขึ้น และในราวปี พ.ศ. 2542 สถานีฯ ย้ายอาคารที่ทำการทั้งหมด ขึ้นไปยังอาคารเอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท[3]
ในปัจจุบัน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2548) สถานีได้ย้ายมายังกลุ่มอาคารที่ทำการปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มบีอีซีเวิลด์เป็นเจ้าของด้วยตนเองคือ อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ (เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) แต่เดิม) เลขที่ 3199 ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร โดยอาคารเอ็ม 1 เป็นที่ตั้งสำนักงานบริษัทฯ และอาคารเอ็ม 2 เป็นส่วนปฏิบัติการออกอากาศ[2]

เทคโนโลยีการออกอากาศ

สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ชื่อสากล: HS-TV 3[4]) เป็นสถานีโทรทัศน์เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ออกอากาศโดยใช้ช่องความถี่ต่ำ ในระบบวีเอชเอฟ คือช่อง 2 ถึงช่อง 4 โดยในระยะเริ่มแรก ใช้เครื่องส่งโทรทัศน์สีขนาด 25 กิโลวัตต์ จำนวนสองเครื่องขนานกัน รวมกำลังส่งเป็น 50 กิโลวัตต์ อัตราการขยายสายอากาศ 13 เท่า กำลังออกอากาศที่ปลายเสาอยู่ที่ 650 กิโลวัตต์ เสาอากาศเครื่องส่งมีความสูง 250 เมตร ความถี่คลื่นอยู่ระหว่าง 54-61 เมกะเฮิร์ตซ์ ใช้ระบบ ซีซีไออาร์ พาล (CCIR PAL) 625 เส้น เป็นแห่งแรกของไทย โดยส่งออกอากาศทางช่องสัญญาณที่ 3 ซึ่งสามารถให้บริการในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งหมด 18 จังหวัดเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 20.64 ของพื้นที่ประเทศไทย[2][3] นับเป็นสถานีโทรทัศน์สีแห่งที่สองของไทย ต่อจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
นอกจากนี้ ภายในอาคารที่ทำการสถานีฯ ยังมีเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง ด้วยระบบเอฟเอ็ม มัลติเพล็กซ์ ผ่านคลื่นความถี่ 105.50 เมกะเฮิร์ตซ์ ที่ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้รับสัมปทานมาพร้อมกับช่องสัญญาณโทรทัศน์ ตามรายละเอียดในสัญญาดำเนินกิจการกับ บจก.ไทยโทรทัศน์ อีกช่องทางหนึ่งด้วย ซึ่งในระยะแรกใช้ส่งกระจายเสียงภาษาต่างประเทศในฟิล์ม ขณะเดียวกับที่กำลังออกอากาศ ภาพยนตร์ต่างประเทศทางโทรทัศน์ ซึ่งออกเสียงบรรยายเป็นภาษาไทย ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีแบ่งช่องเสียงในการส่งโทรทัศน์ สามารถใช้การได้กับเครื่องรับโทรทัศน์โดยทั่วไปแล้ว จึงเปลี่ยนไปดำเนินรายการดนตรีสากล โดยใช้ชื่อว่า อีซีเอฟเอ็ม วันโอไฟว์พอยต์ไฟว์ (Eazy FM 105.5) จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 บริษัทฯ ลงนามในสัญญาขยายเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศ ร่วมกับ อ.ส.ม.ท. เพื่อดำเนินการจัดตั้งสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ พร้อมทั้งอุปกรณ์ออกอากาศร่วมกัน ระหว่างไทยทีวีสีช่อง 3 และไทยทีวีสีช่อง 9 จำนวนทั้งหมด 31 แห่ง ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2531-กรกฎาคม พ.ศ. 2534 เป็นผลให้ทั้งสองช่อง สามารถออกอากาศครอบคลุมถึงร้อยละ 89.7 ของพื้นที่ประเทศไทย คิดเป็นศักยภาพของการให้บริการถึงร้อยละ 96.3 ของจำนวนประชากร[2][3] โดยรับสัญญาณจากสถานีส่งหลักในกรุงเทพมหานคร ผ่านช่องสัญญาณของดาวเทียมอินเทลแซต และเครื่องรับสัญญาณไมโครเวฟ จากดาวเทียมสื่อสารของไทย
เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศด้วยระบบวีเอชเอฟความถี่ต่ำ ช่วงระหว่าง 54-61 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งถูกรบกวนได้ง่าย และภาครับมีความซับซ้อน เนื่องจากอยู่ในย่านความถี่ต่ำ จึงมีขนาดความยาวคลื่นสูง ทำให้ต้องใช้สายอากาศรับสัญญาณ ที่มีความยาวและน้ำหนักมากกว่า สายอากาศที่ใช้รับสัญญาณโทรทัศน์ ระบบวีเอชเอฟความถี่สูง ซึ่งอยู่ระหว่างช่อง 5-ช่อง 12 นอกจากนี้ เมื่อกรุงเทพมหานครมีอาคารสูงมากขึ้น จำนวนประชากร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้คุณภาพสัญญาณ ของไทยทีวีสีช่อง 3 ลดลงไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับระยะแรกเริ่มของการออกอากาศ ดังนั้นราวปลายปี พ.ศ. 2546 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) จึงอนุมัติให้จัดสรรคลื่นความถี่ในระบบยูเอชเอฟ แก่ไทยทีวีสีช่อง 3 เพื่อใช้ออกอากาศทดแทนคลื่นความถี่เดิม เป็นจำนวน 5 ช่องสัญญาณ[2][3]
สำหรับสถานีส่งหลักในกรุงเทพมหานคร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน คู่สัญญาเปลี่ยนเป็นองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย) ลงนามในสัญญาร่วมใช้เสาส่งโทรทัศน์ และระบบสายอากาศโทรทัศน์บนอาคารใบหยก 2 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ก่อนจะเริ่มแพร่ภาพทางช่อง 32 อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 09:39 น. ของวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งในระยะแรกสามารถรับชมได้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, ปริมณฑล และอีก 17 จังหวัดใกล้เคียง โดยยังคงออกอากาศคู่ขนาน ในระบบวีเอชเอฟความถี่ต่ำทางช่อง 3 เพื่อทอดเวลาให้ผู้ชมสามารถเปลี่ยนแปลงระบบการรับชมได้ทันการณ์ จนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 จึงยุติการออกอากาศระบบวีเอชเอฟ จากสถานีส่งหลักในกรุงเทพมหานคร และออกอากาศด้วยระบบยูเอชเอฟเพียงช่องทางเดียว[2][3]
โดยสถานีเครือข่ายโทรทัศน์ส่วนภูมิภาค ซึ่งทาง กกช.อนุมัติคลื่นยูเอชเอฟให้อีก 4 แห่งประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มแพร่ภาพทางช่อง 46 ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548, จังหวัดสุโขทัย เริ่มแพร่ภาพทางช่อง 37 ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน, จังหวัดนครราชสีมา เริ่มแพร่ภาพทางช่อง 41 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน เดิมตั้งเสาส่งที่เขายายเที่ยง ตำบลลาดบัวขาวอำเภอสีคิ้ว ต่อมาย้ายไปที่ บ้านยางน้อย ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา, และจังหวัดสงขลา เริ่มแพร่ภาพทางช่อง 38 ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน[5]
จากนั้นไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินการทยอยเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องส่งใหม่ ซึ่งผลิตโดยบริษัท โรห์เดแอนด์ชวาร์ซ จำกัด (Rohde & Schwarz Co., Ltd.) จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เข้าในสถานีเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถรองรับ การเปลี่ยนแปลงระบบออกอากาศ จากแอนะล็อกเป็นดิจิทัลในอนาคตด้วย โดยเริ่มใน 5 แห่งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2550 ได้แก่จังหวัดเชียงราย (ช่อง 8),จังหวัดลำปาง (ช่อง 6), จังหวัดสกลนคร (ช่อง 7), จังหวัดภูเก็ต (ช่อง 11) และจังหวัดชุมพร (ช่อง 11) โดยเปลี่ยนเพิ่มเติมอีก 7 แห่งในปี พ.ศ. 2551 ได้แก่จังหวัดยะลา (ช่อง 9), จังหวัดสระแก้ว (ช่อง 6), จังหวัดตราด (ช่อง 7), จังหวัดสุรินทร์ (ช่อง 7), จังหวัดแม่ฮ่องสอน (ช่อง 6), จังหวัดตาก (ช่อง 6) และจังหวัดตรัง (ช่อง 6) [5]
ต่อมา เปลี่ยนเพิ่มเติมอีก 6 แห่งในปี พ.ศ. 2552 ได้แก่จังหวัดแพร่ (ช่อง 6), จังหวัดน่าน (ช่อง 7), จังหวัดเลย (ช่อง 12), จังหวัดเพชรบูรณ์ (ช่อง 11), จังหวัดระนอง (ช่อง 11) และจังหวัดพังงา(ช่อง 6) ท้ายที่สุดเปลี่ยนเพิ่มเติมอีก 2 แห่งในปี พ.ศ. 2555 คือจังหวัดขอนแก่น (ช่อง 7) และจังหวัดระยอง (ช่อง 6) ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ไทยทีวีสีช่อง 3 จัดตั้งสถานีเครือข่ายระบบยูเอชเอฟ ทางช่อง 55 เพิ่มเติมขึ้นที่จังหวัดสตูล เนื่องจากคลื่นความถี่ระบบวีเอชเอฟระดับสูง ช่องสัญญาณที่ 11 ซึ่งไทยทีวีสีช่อง 3 ใช้แพร่ภาพในเขตจังหวัดสตูลอยู่แต่เดิม เกิดรบกวนกับสัญญาณอื่น ในบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย[5] ต่อมาภายหลัง ดำเนินการย้ายสถานที่ตั้ง จากพื้นที่ราบภายในตัวเมือง ให้ขึ้นไปอยู่บนภูเขา ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับ สถานีเครือข่ายของ บมจ.อสมท
นอกจากนี้ ยังทยอยปรับปรุงระบบสายอากาศ ภายในสถานีเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 สำหรับในส่วนของสถานีเครือข่าย จังหวัดขอนแก่น (ช่อง 7), จังหวัดอุบลราชธานี (ช่อง 6), จังหวัดสุรินทร์ (ช่อง 7), จังหวัดแพร่ (ช่อง 6) และจังหวัดเพชรบูรณ์ (ช่อง 11) ดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2553 สำหรับส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร มีการจัดตั้งสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ ระบบยูเอชเอฟหน่วยย่อยเพิ่มเติม โดยแพร่ภาพทางช่อง 60 เพื่อขจัดปัญหาในการรับสัญญาณ จำนวน 3 แห่งคือ บนอาคารจิวเวอรีเทรดเซ็นเตอร์ ถนนสีลม เขตบางรัก, บนอาคารแฟมิลีคอมเพล็กซ์ สี่แยกสุทธิสารเขตพญาไท และบนอาคารเอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย และกำลังดำเนินการจัดตั้ง สถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟสำรอง บนดาดฟ้าชั้น 36 ของอาคารมาลีนนท์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556
ต่อมาช่วงกลางปี พ.ศ. 2556 ไทยทีวีสีช่อง 3 เปลี่ยนระบบควบคุมการออกอากาศเป็นดิจิทัล และตั้งแต่เวลา 10:10 น. วันที่ 17 ตุลาคม ปีเดียวกัน ไทยทีวีสีช่อง 3 เปลี่ยนระบบออกอากาศเป็นดิจิทัล รวมถึงตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 ทุกรายการที่ออกอากาศ ในทั้ง 3 ช่องระบบดิจิทัล ของไทยทีวีสีช่อง 3 ถ่ายทำด้วยระบบดิจิตอล ภาพคมชัดสูง พร้อมทั้งปรับสัดส่วนภาพที่ออกอากาศ จากเดิม 4:3 เป็น 16:9 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็เริ่มใช้กับไทยทีวีสีช่อง 3 ในระบบแอนะล็อกด้วย ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ปีเดียวกัน